พระเครื่อง
- หมวด 4 จตุรเทพโคตรแชมป์
- พระสุดหวงของ ช้าง–วัดห้วย
- หมวดพระสวยขั้นเทพ-มีไว้แค่โชว์
- หมวดรวมพระแชมป์ยอดนิยม
- พระเบญจภาคี
- พระปิดตายอดนิยม
- เครื่องรางยอดนิยม
- พระเครื่องเนื้อโลหะยอดนิยม
- หมวดพระหลักฝากขาย เกรดพรีเมี่ยม
- พระเครื่องเนื้อดินยอดนิยม
- พระชุดเล็กยอดนิยม
- หมวดมรดกพระเครื่อง อ.เต็ก
- หมวดพระเครื่ององค์พิเศษ
- พระทวารวดี และเทวรูปขนาดเล็ก
- หมวดพระแชมป์–ราคาแรงส์
- หมวดพระแปลกตาแต่แท้ชัวร์
- หมวดพระแชมป์–ราคาเบา
- หมวดพระยอดหายาก
H001 พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ “องค์บารมี”
หมวดพระสุดหวง ของ ช้าง–วัดห้วย
เรื่องพระสุดหวงของ ช้าง–วัดห้วย จริง ๆ แล้วก็มีหลายองค์ พอดีมีเพื่อนสมาชิกโทรมาคุยและสอบถาม และอยากรู้จริง ๆ ว่าเป็นองค์ไหน จะสวยขนาดไหน เพราะอะไรจึงหวงนักหวงหนา และได้มาอย่างไร และเปรียบเทียบกับพระสวยในวงการแล้วเป็นอย่างไร ทุกอย่างที่อยากรู้ก็บอกได้หมด ยกเว้น ข้อที่จะให้เปรียบเทียบกับพระในวงการ ถ้าจะให้เปรียบเทียบว่าเป็นแม่พิมพ์เดียวกันกับองค์นั้นองค์นี้แบบนี้ก็ได้ แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบว่าสวยกว่า แชมป์กว่าองค์ของคุณคนนั้น อันนี้ผมขอปฏิเสธ เพราะเค้าจะไม่ทำกัน และยิ่งออกสื่อด้วยแล้วไม่ควรทำอย่างยิ่ง พระจะสวยกว่าหรือจะด้อยกว่าต้องไปเปรียบเทียบกันเองครับ ยกตัวอย่าง พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ในวงการ มีสวยแชมป์เป็น 10 องค์ คนที่เป็นเจ้าของต่างก็จะบอกว่าพระตัวเองเป็นแชมป์ทั้งนั้นแหละ แค่บอกว่าองค์นั้นสวยกว่าโดยไม่ใช้พระของผู้เขียน แค่นี้เค้าก็เคืองแล้ว เผลอผู้เขียนอาจโดนด่าก็ได้ และตอนนี้เรามาเริ่มดูกันเลยว่าองค์ที่หวงสุดอันดับ 1 คือพระอะไร
H001 พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ “องค์บารมี”
เราเริ่มต้นด้วยพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ก่อนเลย เพื่อเป็นศิริมงคลของหมวดนี้ ถ้าพูดถึงพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ของ ช้าง–วัดห้วย ที่สวยแชมป์ก็มีหลายองค์ แต่องค์ที่หวงที่สุด และคนเห็นตัวจริงน้อยที่สุด แค่ไม่เกิน 5 คนเท่านั้น พระสมเด็จองค์นั้นก็คือ “องค์บารมี” พระสมเด็จองค์นี้เพิ่งจะเผยโฉมไม่นานมานี้ ตอนชี้ตำหนิ พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ 4 แม่พิมพ์ ตอนนั้นเปลี่ยนชื่อชั่วคราวเป็น “องค์ปาฏิหาริย์” ก็คือองค์ที่ 2 พิมพ์อกตัววีนั่นเอง
ประวัติการได้ครอบครอง ถ้านับย้อนกลับก็ประมาณ 20 กว่าปีขึ้นไป ตอนนั้นเพิ่งหัดเล่นยังดูพระไม่เป็นเลย พระทุกองค์ต้องให้อากู๋ (อ.เต็ก นครปฐม) ดูให้ก่อนจ่ายเงินทุกครั้งไป ก็คือมีเพื่อนสนิทกันมาคุยให้ฟังว่า บ้านญาติของเค้ากำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน มีความจำเป็นจะต้องปล่อยพระออกเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย ผู้เขียนช่วงนั้นกำลังสะสมพระอยู่พอดีก็สนใจ จึงบอกเพื่อนพาไปดูหน่อย และถ้าชอบก็ขอไปแห่ก่อนโดยให้เพื่อนรับรองและไปด้วยกัน เมื่อถึงวันนัดก็ไปเจอกันที่สามพราน ไปทางคลองใหม่ เข้าไปลึกมาก ๆ เมื่อถึงบ้านเจ้าของก็เอาพระชุดแรกมาลองเชิงก่อน ผมดูแล้วไม่ชอบคือเป็นพระย่อย ๆ ไม่ถูกใจเลยก็เลยถามว่า พระหลัก พระสวย ๆ ไม่มีเหรอ ราคาสูงหน่อยก็ไม่เป็นไร เจ้าของบ้านก็เอาพระชุดที่สองออกมา ก็เป็นพระเนื้อจัด ๆ ทั้งนั้น พระค่อนข้างสึก และ มีพระสมเด็จบางขุนพรหมอยู่ 2 องค์ ขี้กรุเยอะ แต่ก็ยังไม่ถูกใจ ก็เลยถามเจ้าของบ้านว่า นี่ลุงถามจริง ๆ เลยนะ ลุงมีพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่หรือเปล่า ถ้ามีก็คัดสวย ๆ มาสัก 2 องค์ ลุงก็ตอบว่ามีแต่ราคาแพงครับ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร ราคาเดี๋ยวค่อยคุยกันดูของก่อน และถ้ารอบนี้ลุงเอาพระไม่สวยออกมาอีก ผมก็ขอลากลับแล้วนะครับ ไม่ขอลุงดูอีกเป็นรอบที่ 4 และในที่สุดลุงก็เอาพระสมเด็จวัดระฆังออกมาทีเดียว 4 องค์ มีพิมพ์เจดีย์ 1 องค์พอสวย ฐานแซม 1 องค์สึก และพิมพ์ใหญ่ 1 องค์มุมล่างบิ่น ผมก็หันไปถามลุงว่าเนี่ยนะสวยสุดแล้วเหรอ ลุงก็ล้วงในคอออกมาให้ชมและบอกว่าพระสมเด็จองค์นี้สวยสุดแล้ว ถ้าคุณไม่ชอบก็ไม่มีแล้ว องค์นี้เจ้าของเดิมตั้งชื่อไว้ว่า “องค์บารมี” ผมก็ลองส่องดู เห็นครั้งแรกรู้สึกขนลุกเลย ก็คิดในใจว่าพระสวยขนาดนี้จะมาอยู่แถวนี้ได้อย่างไร แต่ก็ต้องถามลุงอีกว่า ยังมีสวยกว่านี้อีกมั้ย ลุงก็ถามกลับว่า องค์นี้ยังไม่ถูกใจอีกเหรอครับ ถ้างั้นคุณก็กลับได้เลย ลุงเริ่มหงุดหงิด ผมก็เลยรีบบอกลุงว่าองค์นี้ถูกใจแล้ว ที่ถามก็เพราะถ้าเกิดผมเช่าองค์นี้ เกิดลุงเอาสวยกว่าออกมาอีกผมก็ต้องหาเงินมาเช่าอีก เพราะผมเคยโดนแบบนี้มาแล้วเลยถามลุงให้แน่ใจก็แค่นั้น สรุปแล้ว พระสมเด็จ “องค์บารมี” องค์นี้ลุงเปิดราคาไว้เท่าไร ลุงก็รีบตอบว่าที่เปิดอยู่ก็ 9 แสน ผมก็ถามลุงว่าแล้วมีคนมาดูเยอะมั้ย ลุงก็ตอบว่ามีอยู่ 3 ราย แต่ต่อถูกลุงเลยไม่ขาย แล้วเค้าต่อลุงไว้เท่าไรครับ คนนึงให้ 3 แสน อีกคนให้เพิ่มมาอีกหน่อยคือ 4 แสน อีกคนไม่กล้าต่อเฉย ๆ ผมก็รีบถามลุงว่าและถ้าผมเอาพระสมเด็จองค์นี้ลุงจะลดให้ผมสุด ๆ เท่าไรครับ ลุงก็นั่งคิดแล้วก็บอกมาว่าลดได้สุด ๆ ก็ 6 แสน ผมก็คิดในใจว่าน่าจะจบที่ 5 แสน ผมก็ตอบลุงว่า 6 แสนเกินงบผมไปเยอะ ผมก็พูดต่อว่าตอนแรกผมกะต่อลุงครั้งแรก 3 แสน แต่มีคนให้ลุงสูงถึง 4 แสน ลุงก็คงไม่ให้ผมหรอก เอาเป็นว่าผมสู้ลุงทิ้งไว้ 4.5 แสน ถ้าลุงตกลงก็บอกเพื่อนผมไว้ ผมก็ทำท่าจะลากลับ ลุงก็พูดว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าคุณอยากได้พระสมเด็จองค์นี้จริงลุงขอ 5 แสน แต่ถ้าคุณไม่สู้คุณก็กลับไปคิดก่อนก็ได้ แต่ถ้าคุณตกลงลุงขอเงินสด 5 แสนวันนี้เลย ผมก็รีบตอบว่า 5 แสนก็ OK ตกลง แต่ผมเอาไปให้อาจารย์ผมดูก่อนโดยไปกับหลานลุง ถ้าอาจารย์ผมดูแล้วไม่มีปัญหาผมก็รีบเบิกเงินมาให้เลย และผมให้อาจารย์ผมดูคนเดียวจบเลย ลุงก็นั่งคิดสักพักแล้วก็ถามผมว่า แล้วคุณดูเองไม่เป็นหรือครับ ผมก็ตอบว่าผมเองเพิ่งหัดเล่นพระได้ไม่นาน พระราคาตั้งครึ่งล้าน ผมดูคนเดียวไม่กล้าตัดสินใจหรอก ลุงต้องเห็นใจผมบ้างนะครับและถ้าผมจ่ายเงินแล้ว ไม่มีมาขอเงินคืน และพระก็ให้หลานลุงเป็นคนถือ ลุงรีบตัดสินใจเลยเพราะเดี๋ยวธนาคารปิด และจะเบิกเงินไม่ทัน ลุงก็รีบตอบว่า ก็ได้ รีบไปรีบกลับ ผมก็รีบบึ่งรถไปหาอากู๋ (อาจารย์เต็ก) ทันทีที่ถึงบ้านอากู๋ ก็รีบเอาพระสมเด็จองค์นี้ให้อากู๋ดู อากู๋รับพระสมเด็จและดูด้วยตาเปล่าก่อน แล้วก็พูดขึ้นมาว่า วัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้แท้อยู่แล้วและสวยมาก ดูง่ายดี ผมเองก็ยิ้มดีใจสุด ๆ และพูดขึ้นว่า อากู๋ ลื้อแกะตลับออกมาดูให้ละเอียดว่ามีอุดหรือซ่อมตรงไหนหรือเปล่า? อากู๋ก็รีบแกะตลับและดูอย่างละเอียด แล้วตอบว่า ไม่มีอุดหรือซ่อม ผมก็รีบถามว่า สมเด็จองค์นี้เป็นพิมพ์ที่ 2 ใช่เปล่า? อากู๋ก็ตอบว่า เป็นวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ที่ 2 แท้ล้าน% และสวยมากด้วย และซื้อมาเท่าไหร่ผมก็ยังไม่ตอบ แล้วพูดว่าผมฝากพระสมเด็จองค์นี้ไว้ที่อากู๋ก่อน เดี๋ยวผมไปส่งเพื่อนก่อนและไปเบิกเงินไปจ่ายเงินค่าพระก่อนเดี๋ยวผมมา จากนั้นก็รีบไปเบิกเงินกับเพื่อนแล้วไปให้ลุง ๆ ดีใจยิ้มแย้มแล้วบอกขอบใจ แล้วก็แวะไปส่งเพื่อนแล้วก็นัดเพื่อนว่าวันอาทิตย์นี้จะพาไปกินข้าวกัน ผมก็รีบกลับไปหาอากู๋ อากู๋ก็รีบถามพระสมเด็จองค์นี้ซื้อมาเท่าไร ผมก็ตอบไปว่า 5 แสน อากู๋ตกใจพูดเสียงสูง 5 แสน เลยหรือ และก็พูดให้กำลังใจผมว่าแต่พระองค์นี้ขายได้เป็นล้านอยู่แล้ว อากู๋ก็ถามต่อว่าสมเด็จองค์นี้ได้มาจากแถวไหน ผมก็ตอบว่าแถวสามพราน แต่เข้าไปลึกมาก อากู๋ก็รีบบอกว่า แถวสามพรานหรือแถวนครชัยศรีพวกบ้านอยู่ริมน้ำแถวนี้มีพระหลง ๆ เยอะมาก พวกอากู๋ที่ชื่อวินัยก็ไปหาพระละแวกนั้นมาส่งอากู๋อยู่เป็นประจำ หลังจากนั่งคุยสักพักผมก็ลาอากู๋กลับไปนั่งส่องดูอีก 2-3 วัน แล้วก็ไปถ่ายรูป และทำตลับใหม่
หลังจากนั้นก็มีความคิดว่า อยากจะให้เซียนใหญ่ระดับอาจารย์ดูอีกสัก 1 คนก็คิดถึง อ.สมศักดิ์ จวงสวัสดิ์ และตรงนี้เล่าแล้วเมื่อครั้งก่อน ที่ลงสมเด็จแตกลายงา แต่ครั้งนี้จะเล่าสั้น ๆ ก็พอ ก็คือตอนนั้นสะสมพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ได้ประมาณ 10 องค์ ก็คัดพระสวย ๆ และมั่นใจ 6 องค์ไปให้ อ.สมศักดิ์ ช่วยดูให้หน่อย เมื่อถึงบ้าน อ.สมศักดิ์ อ.สมศักดิ์ก็ต้อนรับเป็นอย่างดี และได้ดูพระทั้ง 6 องค์ซึ่งมี “องค์บารมี” รวมอยู่ด้วย ผลปรากฏว่า พระแท้ทั้ง 6 องค์ และยังแนะนำให้ไปขายให้เฮียกวง (กิติ ธรรมจรัส) ตอนนั้นผมก็ตอบไปว่า ผมเพิ่งเริ่มศึกษา และสะสมเพียงเล็กน้อย ขอให้ฝึกให้เก่งก่อนแล้วค่อยปล่อยออกบางส่วน หลังจากนั้นก็อยากจะโชว์พระ “องค์บารมี” บ้าง ก็ส่งไปลงหนังสือฝากซื้อฝากขายในคอลัมน์ “พระแท้ผู้อ่านฝากมาโชว์” คือลงโชว์ไม่ได้ลงขาย แต่ก็มีคนโทรมาสอบถามจากราชบุรีน้ำเสียงเป็นคนมีอายุแล้ว ถามว่าพระสมเด็จองค์นี้เปิดราคาเท่าไร ผมก็ตอบไปว่า คอลัมน์นี้ลงโชว์ครับไม่ได้ขาย หลังจากนั้นก็มีความคิดว่าลองเปิดราคากับเศรษฐีดูว่าจะเป็นอย่างไร และเป้าหมายที่เล็งไว้ก็คือท่านนิพนธ์ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดท่านเป็น รมต.เกษตร ตอนนั้นท่านนิพนธ์ดังมาก ๆ และชอบแต่พระสวย พอดีพรรคพวกกันรู้จัก ส.ส. พรรคเดียวกัน ก็เลยอาสาเอารูปไปเสนอ เมื่อท่านนิพนธ์เห็นรูปก็ถูกใจ และรีบนัดดูตัวจริงที่พรรค โดยผู้เขียนเป็นคนถือพระสมเด็จเข้าไปเองเลย ท่านนิพนธ์ก็ชมว่า วัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์นี้สวยมาก แต่ผู้เขียนสังเกตดูท่านนิพนธ์ท่านนิ่งมาก แค่อมยิ้มเล็ก ๆ ไม่แสดงท่าทีอะไร แล้วก็ขอตัวไปประชุมก่อน รายละเอียดแล้วค่อยคุยกัน ภายหลังคนติดต่อก็ส่งข่าวว่าราคาที่เสนอไปมันสูงเกินกว่าที่ท่านประเมินไว้เยอะ ท่านจึงขอปฏิเสธ แต่สำหรับผู้เขียนแค่ท่านนิพนธ์เรียกให้เอาพระเข้าไปให้ชม ก็ดีใจมากแล้ว ในวงการตอนนั้นใคร ๆ ก็รู้ ท่านนิพนธ์เช่าแต่พระสวยกับสวยมาก ราคาต้องมาตรฐาน และเก็บพระสวย ๆ ไว้มากมาย และจะเลือกเก็บแต่พระเบญจภาคี และที่สำคัญไม่ค่อยเผยแพร่รูปภาพออกมาให้เห็น อ.เต็ก เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเฮียเธ๊าป่วย (เจ็บตา) ท่านนิพนธ์กำลังจะไปเช่าพระรังใหญ่ ท่านนิพนธ์เลยถามเฮียเธ๊าว่า แล้วจะให้ใครไปแทนเฮียเธ๊าดี เฮียเธ๊าก็บอกว่าให้เฮียเต็กไปแทนก็แล้วกัน แต่ก่อนไปท่านนิพนธ์ให้เฮียเต็กไปหาที่บ้านก่อน (ภายหลังจึงรู้ว่าไปทดสอบเฮียเต็กก่อนว่าจะเก่งขนาดไหน) และเมื่อดูพระกันเสร็จเรียบร้อย ท่านนิพนธ์หัวเราะชอบใจและชมว่าเฮียเต็กเก่งจริง ๆ เมื่อถึงเวลานัดก็นัดกันที่ตึกช้าง ตอนนั้นท่านนิพนธ์เป็น รมต.เกษตร เมื่อไปถึงพนักงานก็ยืนเข้าแถวต้อนรับ เมื่อได้เจอเจ้าของพระก็ได้ชมพระ พระส่วนใหญ่เป็นพระเบญจภาคีทั้งนั้น และพระบางองค์ก็มีอุด มีซ่อมเล็ก ๆ น้อย ๆ เฮียเต็กก็แนะนำให้งัดที่อุดออก ก็ยังถือว่ายังสวยมาก แต่สุดท้ายการซื้อขายครั้งนี้ต้องยกเลิก รายละเอียดคงจะบอกไม่ได้ เพราะอาจจะกระทบเจ้าของพระ เรื่องของท่านนิพนธ์ อ.เต็ก ก็เล่าให้ฟังอยู่เรื่อย ๆ ก็คือ อ.เต็ก จะชมท่านนิพนธ์ว่าเป็นคนฉลาด ใจกว้าง เรียนรู้ได้รวดเร็ว เวลาเฮียเธ๊าชี้แนะ และในสายตา อ.เต็ก ท่านนิพนธ์จะเก่งกว่าเซียนใหญ่บางคนเสียอีก แต่ถ้าในบรรดาเศรษฐีด้วยกันท่านนิพนธ์น่าจะดูพระเก่งที่สุด และ นี่คือบางส่วนของเรื่องจริงในอดีตที่อยากจะเล่าให้ฟัง ที่บางครั้งก็ยังนึกถึงเสมอ
ส่วนพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ “องค์บารมี” องค์นี้ก็ยังอยู่กับผู้เขียนมายาวนานถึง 20 กว่าปี โดยไม่ได้ไปเสนอให้ใครอีกเลย ผู้เขียนก็ยังนึกอยู่เสมอว่าถ้าวันนั้นขายพระสมเด็จ “องค์บารมี” ไป ชาตินี้คงหาพระสวยขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้ว ตอนนั้นที่ตั้งใจก็คิดว่าเราอายุยังน้อย พระสวยยังมีให้เราเช่าอีกเยอะ แต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 20 กว่าปี ผู้เขียนยังไม่เคยเจอพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ที่สวยกว่า “องค์บารมี” เลย และปัจจุบัน พระสมเด็จ “องค์บารมี” ที่เก็บเงียบมายาวนานถึง 20 ปี ไม่เคยเอาออกมาใส่เลย เมื่อลองเอามาเทียบกับรูปเก่าที่ถ่ายไว้ตอนได้มาใหม่ ๆ พระสมเด็จองค์นี้สวยมากขึ้นหลายเท่าตัว ผิวที่ถูกสัมผัสจากเจ้าของเดิมทำให้พื้นผิวส่วนที่สูง เช่น ซุ้มครอบแก้ว ใบหน้าพระ หน้าอกพระ ฐานทั้ง 3 ชั้น ที่เคยถูกสัมผัสจะจัดขึ้นและเข้มขึ้น แต่สภาพปัจจุบันพื้นผิวทั้งหมดกลับมาสมบูรณ์ เหมือนพระไม่เคยได้ใช้ และไม่เคยถูกสัมผัสเลย ผิวที่เรียกว่าคราบแป้งหรือคราบน้ำปูน งอกขึ้นมาเต็มพื้นผิวด้านหน้าและด้านหลัง พื้นผิวโดยทั่วไปจะออกขาวอมเหลืองนวล ๆ
รูปตอนได้มาใหม่ ๆ
ผู้เขียนปกติหลาย ๆ ปี จะเอา “องค์บารมี” ออกมาดูสักครั้ง ก็ไม่ได้สังเกตว่าผิวพรรณได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แต่เมื่อนำพระสมเด็จไปถ่ายรูปใหม่เพื่อนำมาลงในหมวด “พระสุดหวงของ ช้าง–วัดห้วย” เมื่อเห็นรูปครั้งแรกก็คิดว่า ช่างถ่ายรูปคงให้แสงผิดไป เลยใช้กล้องมือถือถ่ายดูผลก็ออกมาใกล้เคียงกัน เลยเอาพระสมเด็จตัวจริงออกมาเปรียบเทียบกันและไปค้นภาพเก่ามาเปรียบเทียบพร้อม ๆ กัน จึงรู้ว่าพระได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น คือผิวขาวนวลขึ้น ผิวที่เคยถูกสัมผัสก็กลับนวลขึ้น และกลมกลืนกันทั่วทุกพื้นผิว ผู้เขียนก็คิดเลยเถิดไปว่าอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้น พระสมเด็จ “องค์บารมี” องค์นี้ ก็ต้องเปลี่ยนมือ เรียกว่า “สมบัติผลัดกันชม” และใครจะเป็นคนดูแลต่อไป และจะดูแลดีขนาดไหนจะเอาพระสมเด็จองค์นี้มาใส่ทุกวัน หรือจะเก็บไว้สะสมอย่างเดียว แต่ในความคิดของผู้เขียนพระสวยระดับแชมป์ขนาดนี้ควรจะซื้อเก็บอย่างเดียว จะใส่ออกงานบ้างบางครั้งก็พอ
และนี่ก็คือ พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์สุดหวงอันดับ 1 ของช้าง–วัดห้วย และโปรดติดตามพระปิดตาสุดหวงอันดับ 1 ของช้าง–วัดห้วย ในครั้งหน้านะครับ
ช้าง–วัดห้วย
082-5699162 (เบอร์ใหม่ล่าสุด)