พระเครื่อง
- หมวด 4 จตุรเทพโคตรแชมป์
- พระสุดหวงของ ช้าง–วัดห้วย
- หมวดพระสวยขั้นเทพ-มีไว้แค่โชว์
- หมวดรวมพระแชมป์ยอดนิยม
- พระเบญจภาคี
- พระปิดตายอดนิยม
- เครื่องรางยอดนิยม
- พระเครื่องเนื้อโลหะยอดนิยม
- หมวดพระหลักฝากขาย เกรดพรีเมี่ยม
- พระเครื่องเนื้อดินยอดนิยม
- พระชุดเล็กยอดนิยม
- หมวดมรดกพระเครื่อง อ.เต็ก
- หมวดพระเครื่ององค์พิเศษ
- พระทวารวดี และเทวรูปขนาดเล็ก
- หมวดพระแชมป์–ราคาแรงส์
- หมวดพระแปลกตาแต่แท้ชัวร์
- หมวดพระแชมป์–ราคาเบา
- หมวดพระยอดหายาก
003 เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง เบี้ยทองมะเฟือง
เบี้ยแก้เป็นเครื่องรางชั้นเยี่ยม ที่พุทธคุณโดดเด่นในทางป้องกันเรื่องคุณไสยกันผีสาง ลมเพลมพัด และอื่น ๆ อีกมากมาย กล่าวคือ ป้องกันสิ่งที่ไม่ดี หรือสิ่งที่เป็นภัยอันตรายต่าง ๆ เข้าตัว หรือในทางแก้ไขก็คือ ผู้ที่โดนของ โดนผีเข้า ก็ใช้เบี้ยแก้ทำน้ำมนต์ประพรมหรือดื่มกิน อาการ ต่าง ๆ ก็จะดีขึ้น ถือว่า เบี้ยแก้มีคุณวิเศษครอบคลุมทั้งป้องกันและปัดเป่า จากสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ทั้งปวง ผู้ที่พกพาเบี้ยแก้ติดตัวไปจะแคล้วคลาด รอดพ้นจากภัยเรื่องเหล่านี้
เบี้ยแก้ที่เป็นปฐมแห่งเบี้ยแก้ทั้งปวงก็คือ เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ถือว่าเป็นต้นตำรับของเบี้ยแก้ทั้งหมด รองลงไป ก็คงจะเป็นเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม ตามประวัติ หลวงปู่รอด วัดนายโรงได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่แขก เพื่อเรียนวิชาอาคมต่าง ๆ และวิชา ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ วิชาทำเบี้ยแก้ ที่ทำให้หลวงปู่รอดโดดเด่นและโด่งดังมาถึงทุกวันนี้
วิธีการสร้างเบี้ยแก้ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง
การสร้างเบี้ยแก้ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง หลวงปู่จะมอบเบี้ยแก้ให้แก่ผู้ศรัทธามาขอให้ท่านทำให้เท่านั้น ในสมัยนั้นผู้ที่ต้องการเบี้ยแก้จะต้องจัดหาสิ่งของ 4 อย่างไปถวายให้หลวงปู่จัดทำ ได้แก่ เบี้ยพู, ปรอท, ชันโรง และแผ่นตะกั่ว กรรมวิธีการสร้าง หลวงปู่จะนำปรอทมาบรรจุในตัวเบี้ยและปิดปากเบี้ยด้วยชันโรง แล้วใช้แผ่นตะกั่วหุ้มปิดตัวเบี้ยทั้งตัว หรือจะหุ้มแบบเปิดหลังไว้ก็มี จากนั้นก็จะจารอักขระบนแผ่นตะกั่ว ส่วนใหญ่จะลงยันต์ตรีนิสิงเห, ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ และเอาไปปลุกเสกจนเสร็จสมบูรณ์ และแจกจ่ายคืนแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของที่มาขอและส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับเบี้ยแก้จากหลวงปู่รอด จะนำเบี้ยแก้ไปให้ช่างถักเชือกเอง มีทั้งถักหุ้มทั้งตัว หรือถักเปิดหลังเบี้ยไว้ส่วนหูก็มีทั้งถักหูเดียว และถัก 2 หู เมื่อถักเสร็จก็ไปลงรักหรือทายางไม้ บางลูกก็ลงรักปิดทอง เพื่อเป็นการรักษาเบี้ยให้คงทนอยู่ได้นาน ๆ
หลักการพิจารณาเบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง
1. รูปทรง เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง รูปทรงเบี้ย โดยเฉพาะหลังเบี้ยจะไม่สูงโด่งมากนัก และจะแลดูยาวเรียว ซึ่งตรงข้ามกับเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว รูปทรงหลังเบี้ยค่อนข้างจะโด่งและแลดูสั้น
2. ลายถักเชือกส่วนใหญ่จะเป็นลายถักแบบเรียบ ๆ เป็นแนวยาวไปบรรจบที่ก้นเบี้ย บางลายก็จะเพิ่มลายถักแบบขวาง 2-4 เส้นก็มี และลายถักแบบเปิดหลังเบี้ยก็มี ลายถักจะสรุปได้ยาก เพราะตอนหลวงปู่ทำเสร็จก็ส่งคืนเจ้าของที่มาขอให้ทำ โดยเป็นแค่เบี้ยเปลือยไม่ได้ถักเชือก แล้ว ผู้ที่มาขอให้หลวงปู่ทำก็ไปให้ช่างถักเชือกกันเอง ฉะนั้น ผู้เขียนอยากจะให้ผู้ที่จะศึกษาให้ดูรูปตามหนังสือเครื่องรางบ่อย ๆ แล้วจดจำรูปแบบและลายถักต่าง ๆ และจะเข้าใจเอง
3. ห่วงหรือหูเบี้ย มีทั้งแบบถักหูเดียวหรือสองหูก็มี หรือแบบห่วงโลหะทองแดง แบบสายวัดกลางบางแก้วก็มี
4. ความเก่าของเชือก, รัก, ชาด, ยางไม้, ทองเก่า เบี้ยแก้ของหลวงปู่รอดส่วนใหญ่จะใช้เชือกที่ทำจาก เชือกปอ, เชือกป่าน เพราะว่าสมัยก่อนไม่ว่าจะเป็นตะกรุดหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง หรือเบี้ยแก้ปู่รอด จะใช้เชือกประเภทนี้เป็นหลัก ส่วน รัก, ชาด, ยางไม้, ทองเก่า วัสดุที่ใช้ทาผิวทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ต้องไม่มีความเงาบนพื้นผิว และต้องมีความหม่นแห้งเก่าสมกับอายุเป็นร้อยปี
ประวัติการได้มาครอบครอง
เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรงตัวนี้ ผู้เขียนได้มา 10 กว่าปี แล้วเก็บเงียบมานาน จำได้ว่าตอนนั้นผมกับพรรคพวกไปตระเวนหาราหูอมจันทร์ หลวงพ่อน้อย แถวนครชัยศรี ไปเจอเบี้ยปู่รอดตัวนี้ เห็นครั้งแรกก็ชอบเลย เจ้าของเบี้ยเป็นคนแก่ก็เลยถามว่า ลุงครับ เบี้ยตัวนี้ลุงหวงมั้ย ถ้าไม่หวง ผมขอเช่าลุงได้มั้ย ลุงเลยตอบว่าเบี้ยตัวนี้เป็นของส่วนกลางที่บ้าน ใครจะเดินทางไปไหนก็เอาติดตัวไป พอกลับมาถึงบ้านก็นำมาเก็บไว้ที่เดิม ผมก็เลยถามต่อว่า แล้วใครจะเป็นคนตัดสินใจได้ว่าเบี้ยตัวนี้จะขายให้ผมได้หรือไม่ ลุงก็ตอบว่า คุณกลับไปก่อน อาทิตย์หน้าวันนี้คุณค่อยมาใหม่ แล้วลุงจะให้คำตอบ หลังจากนั้นครบอาทิตย์ ผมก็ไปตามนัด ลุงกับน้องอีก 2 คน ก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผมก็เลยถามลุงว่า สรุปแล้วปรึกษากันหรือยัง ลุงก็ตอบว่า ปรึกษาแล้วว่าจะขายให้คุณในราคา 120,000 บาท ผมร้องโอ้โหตั้งแสนสอง ผมว่าลุงเปิดราคาแพงมากไปนะครับ ลุงบอกไม่แพงหรอก เบี้ยตัวนี้ปิดทองเก่าด้วย และเบี้ยตัวนี้ได้ตั้งชื่อมาแต่เดิมตั้งแต่สมัยพ่อลุงได้มาสมัยอยู่บ้านเก่าที่ตลิ่งชัน แล้วคุณลุงก็ล้วงเบี้ยออกมาจากถุงผ้าเก่า ๆ ที่เรียกว่าไท่ ภายในมีผ้าดิบสีขาว เขียนข้อความสั้น ๆ ว่า “เบี้ยทองมะเฟือง” เป็นข้อความที่อยู่ในถุงผ้า เจ้าของเดิมคนแรกเป็นคนตั้งชื่อไว้ตั้งแต่สมัยเก่าโน้นแล้ว ผมก็เลยถามลุงว่าแล้วมันแปลว่าอะไร ลุงก็ตอบว่าเบี้ยตัวนี้คงจะคล้ายลูกมะเฟืองมั้ง แล้วราคานี้ลุงลดได้เท่าไร ก็เอาไปถ้วน ๆ 1 แสนก็แล้วกัน เอาอย่างนี้ดีกว่าผมขอลดอีก 1 หมื่น เหลือ 9 หมื่น แบ่งกัน 3 พี่น้อง คนละ 3 หมื่น ลงตัวพอดี ลุงก็หันไปถามน้อง ๆ แล้วก็ให้คำตอบว่าตกลง 9 หมื่นก็ 9 หมื่น
สภาพเบี้ยเป็นขนาดมาตรฐาน น้ำหนักเบี้ยปานกลาง ลองเขย่าดูก็มีเสียงปรอทเคลื่อนตัว เมื่อเอากล้องส่องจะเห็นได้ว่า เบี้ยตัวนี้จะลงรักก่อนแล้วลงชาดแดงทับ แล้วปิดทองทั้งตัวเบี้ยเป็นขั้นตอนสุดท้าย ลายเชือกถักก็เป็นแบบเรียบ ๆ เป็นเส้นยาว ๆ เป็นทาง ๆ ตลอดทั้งลูก ด้านบนถักห่วงไว้ 1 หู สภาพโดยทั่วไปเป็นเบี้ยแก้ที่สวยสมบูรณ์มาก ๆ ถือว่าเป็นแชมป์ คือสวยสุดในตระกูลเบี้ยทั้งปวง ให้ทุกท่านดูทองที่ตามตัวเบี้ย ทองที่ปิดมาถึงปัจจุบันแล้วจะแห้ง สีทองจะหม่น ๆ ไม่มีความมันวาวหรือสุกปลั่ง ตามร่องเชือกจะมีฝุ่นผง และขี้ธูปติดตามซอกบ้าง และเรามาวิเคราะห์ชื่อ “เบี้ยทองมะเฟือง” จากคำบอกเล่าของลุงที่เป็นเจ้าของเดิมว่า พ่อของลุงเคยบอกว่า ความหมายคงจะคล้าย ๆ ลูกมะเฟืองสุกจะเป็นสีเหลืองทอง ผู้เขียนว่าความหมายก็ใกล้เคียงดี เพราะดูจากลักษณะการถักลายเป็นเส้นตรง ๆ เป็นแนว ๆ ตลอดทั้งตัวเบี้ย ลายถักนี้ถ้าจะเปรียบเทียบกับลูกมะเฟืองก็คงจะเป็นกลีบมะเฟือง และการปิดทองเบี้ยทั้งลูกก็เปรียบเหมือนตอนที่มะเฟืองแก่เต็มที่ ผลมะเฟืองจากสีเขียวกลายเป็นสีเหลืองทอง ความหมายของชื่อ “เบี้ยทองมะเฟือง” คงประมาณนี้ คนโบราณที่เป็นคนตั้งชื่อนี้ช่างเปรียบเทียบได้ดีเยี่ยมจริง ๆ ผมว่าชื่อ “เบี้ยทองมะเฟือง” ก็เป็นชื่อที่เป็นมงคลดีเหมือนกัน
ช้าง–วัดห้วย